ตลอดระยะเวลาอันยาวนานแห่งการครองราชย์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภาพที่คนไทยคุ้นเคยที่สุด ก็คือ การที่พระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินไปประกอบพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่ เพื่อประโยชน์ของพสกนิกรชาวไทยทั่วทุกท้องที่ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ที่ทุรกันดาร พื้นที่เสี่ยงภัย ฝนตก น้ำท่วม ก็มิได้ทรงย่อท้อ อุปกรณ์ประกอบพระราชกรณียกิจที่ขาดไม่ได้คือ วิทยุสื่อสาร, กล้องถ่ายรูป และแผนที่
โดยเฉพาะวิทยุสื่อสารนั้นทรงโปรดมาก ทรงศึกษา ค้นคว้า ทดลอง ทรงตรวจซ่อม และปรับแต่งเครื่องวิทยุสื่อสารที่ทรงใช้งานด้วยพระองค์เอง และพระราชทานคำแนะนำในการพัฒนาปรับปรุงระบบวิทยุสื่อสาร ระบบสายอากาศเพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สื่อสารได้ในระยะทางไกลๆ ไม่มีการบกวนระหว่างกัน อันเป็นผลให้กิจการวิทยุสื่อสารทั้งของหน่วยงานราชการทหาร ตำรวจ พลเรือน และวิทยุสมัครเล่นในสมัยนั้นเจริญก้าวหน้าอย่างมาก
ต่อไปนี้คือบางส่วนบางตอนจากหนังสือ “บันทึกความทรงจำ เรื่อง การสื่อสารของในหลวง” โดย พลตำรวจตรี สุชาติ เผือกสกนธ์...ในฐานะที่ผู้เขียนมีความเกี่ยวข้องกับกิจการสื่อสารในส่วนของวิทยุสมัครเล่น จึงได้นำเอาเรื่องราวบางส่วนที่ทำให้เราได้ประจักษ์ในพระอัฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในกิจการวิทยุมาบอกเล่ากัน เชื่อว่าเป็นมุมที่อาจจะไม่ค่อยเป็นที่รู้จักกันมากนัก
...พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพอพระทัยที่จะศึกษาในวิชาช่างสาขาต่างๆ มาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ได้ทรงพระกรุณารับสั่งให้ พลตำรวจตรี สุชาติ เผือกสกนธ์ ฟังหลายเรื่อง หนึ่งในนั้นก็คือ...
เรื่องที่ ๘ เมื่อกิจการวิทยุได้วิวัฒนาการจากเครื่องที่ใช้แร่มาเป็นเครื่องรับวิทยุที่ใช้หลอด ได้ทรงทดลองต่อสายจากลำโพงของเครื่องวิทยุจากห้องบรรทมของพระองค์ท่าน ไปต่อเข้ากับลำโพงในห้องบรรทมของสมเด็จพระเชษฐาธิราช พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 8 เป็นการให้บริการเสียงตามสาย ซึ่งทรงพอพระทัยและภูมิพระทัยเช่นกัน
ด้วยความสนพระทัยในวิชาช่างดังกล่าว ในระหว่างที่ยังประทับศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยที่เมืองโลซานน์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงเลือกที่จะศึกษาวิชาวิทยาศาสตร์ แต่เมื่อต้องเสด็จขึ้นครองราชย์อย่างกะทันหัน จึงทรงจำเป็นที่ต้องเลิกราไประยะหนึ่ง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงเริ่มศึกษาค้นคว้าในเรื่องเทคนิคการสื่อสารทางวิทยุใหม่อย่างจริงจังเมื่อปี พ.ศ. 2511 ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ผม (พลตำรวจตรี สุชาติ เผือกสกนธ์) ดำรงตำแหน่งหัวหน้ากองการสื่อสารกรมตำรวจ และได้รับพระบรมราชโองการให้ปฏิบัติหน้าที่นายตำรวจราชสำนักเวรพอดี ทั้งนี้ เนื่องจากความสนพระทัยในวิชาช่างแขนงนี้มาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ประการหนึ่งและทรงตระหนักในความสำคัญว่าการสื่อสารทางวิทยุจะเป็นสื่อที่ดีที่สุด ซึ่งจะช่วยให้พระองค์ท่านได้ทราบข่าวสารสารทุกข์สุกดิบของพสกนิกรให้ได้โดยรวดเร็วทันต่อเหตุการณ์...
เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงเข้ามาเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการสื่อสารของกรมตำรวจ โดยทรงใช้สัญญาณเรียกขานประจำพระองค์ว่า “กส.๙” ตามที่ผมได้ทูลเกล้าฯ ถวายไว้ทำการติดต่อสื่อสารกับพนักงานวิทยุประจำหน่วยตำรวจต่างๆ อย่างคล่องแคล่วไม่ถือพระองค์ พระองค์ทรงจดจำสัญญาณเรียกขานประจำตัวบุคคลและหน่วยงานต่างๆ ภายในข่าย ประมวลสัญญาณที่ใช้ติดต่อภายในข่ายการสื่อสารตำรวจหรือ โค้ด “ว.” และระเบียบปฏิบัติอื่นๆ ภายในข่ายได้อย่างแม่นยำ วิธีการติดต่อสื่อสารภายในข่ายวิทยุไม่ว่าจะเป็นข่ายใดก็ตามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงปฏิบัติโดยใช้วาจาที่สุภาพ และเคร่งครัดต่อวินัยในการสื่อสารเป็นอย่างยิ่ง เช่น การติดต่อสื่อสารตำรวจได้มีการกำหนดเป็นระเบียบปฏิบัติไว้ว่า สถานีวิทยุหรือบุคคลที่เป็นลูกข่าย จะติดต่อระหว่างกันโดยตรงในข่ายการสื่อสารไม่ได้ จำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากศูนย์ควบคุมข่ายก่อน ทุกครั้งดังตัวอย่าง
“ปทุมวัน จาก กส.๙ ว ๒”
“ปทุมวัน ว ๒ กส.๙ เข้ามาได้”
“กส.๙ ขอ ว ๖ (ขออนุญาตติดต่อตรงกับ) กส.๑”
“ปทุมวัน ทราบ กส.๙ ว ๖ กส.๑”
ต่อจากนั้น พระองค์จึงเริ่มทำการติดต่อกับ กส.๑ คือ ผม (พลตำรวจตรี สุชาติ เผือกสกนธ์) จนกว่าจะเสร็จสิ้นกระแสความ ในกรณีที่เป็นเรื่องราวที่จะต้องใช้ระยะเวลาในการติดต่อนานเป็นพิเศษ พระองค์จะไม่ทรงใช้ช่องสัญญาณความถี่กลาง ซึ่งเป็นช่องความถี่ฉุกเฉินด้วย โดยจะแจ้งให้คู่สถานีเปลี่ยนไปใช้ช่องสัญญาณความถี่อื่นแทน โดยทรงใช้ข้อความดังต่อไปนี้
“กส.๑ จาก กส.๙ ว ๒”
“กส.๑ ว ๒”
“กส.๑ จาก กส.๙ ช่อง ๒”
“กส.๑ ทราบ ช่อง ๒”
“กส.๙ เลิก ว ๖ กส.๑”
“ปทุมวัน ทราบ กส.๙ เลิก ว ๖ กส.๑ ๐๑๑๕ (ปทุมวันแจ้งเวลา)”
ถึงแม้ว่าพระองค์ท่านจะมิได้ทรงเข้าร่วมในข่ายวิทยุสมัครเล่นหรือในข่ายวิทยุอื่นๆ ดังเช่นก่อน เนื่องจากมีพระราชภารกิจที่สำคัญซึ่งเกี่ยวกับข้องกับความร่มเย็นเป็นสุข การอยู่ดีกินดีแบบพอเพียงของพสกนิกรอยู่มากมายหลายประการ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังทรงมีพระกรุณาคุณต่อนักวิทยุอาสาสมัคร นักวิทยุสมัครเล่น และเจ้าหน้าที่สถานีวิทยุของส่วนราชการต่างๆ อยู่เสมอมาโดยตลอดและต่อเนื่อง...
จากความตอนหนึ่งที่ได้พระราชทานคำแนะนำไว้แก่ ศูนย์ควบคุมข่ายวิทยุอาสาสมัคร หรือ “ศูนย์สายลม” ของกรมไปรษณีย์โทรเลข โดยทรงใช้พระนามเรียกขานทางข่ายวิทยุสื่อสารนี้ว่า “VR009″ อันเป็นนามเรียกขานที่กรมไปรษณีย์โทรเลขในสมัยนั้นทูลเกล้าฯ ถวาย เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2524 (ในแต่ละข่ายวิทยุสื่อสารก็มีพระนามเรียกขานเป็นการเฉพาะในข่ายวิทยุสื่อสาร นั้นๆ แตกต่างกันไป อาทิ กส.9, เดโชชัย 1) นั่นเอง ...
● และเนื่องในโอกาสวันสื่อสารแห่งชาติ ประจำปี 2557 สำนักงาน กสทช. จึงได้จัดทำภาพยนตร์สั้นเฉลิมพระเกียรติ เรื่อง "สัญญาณจากฟ้า VR009" ขึ้นมา เป็นการจำลองจากเหตุการณ์วาตภัยครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นจริง ในพื้นที่จังหวัดราชบุรีเมื่อปี พ.ศ. 2539 โดยพระองค์ท่านทรงติดตามเหตุการณ์ และพระราชทานคำแนะนำ ในการแก้ปัญหาสัญญาณวิทยุขาดหายให้กับเจ้าหน้าที่อาสาสมัคร อาสากู้ภัย ด้วยพระองค์ผ่านอุปกรณ์สื่อสารส่วนพระองค์ท่านเอง ซึ่งพระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในครั้งนั้น จึงทำให้ปวงชนชาวไทยสามารถผ่านเหตุการณ์อันยากลำบากครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์มาได้
เรียบเรียงจาก BLOG Oknation.net ...หนังสือ “บันทึกความทรงจำ เรื่อง การสื่อสารของในหลวง” จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ เจอี เทเลคอมมีเดีย จก. ในวโรกาสมหามงคลสมัยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา ครบรอบปีที่ 72
"สำนึก รำลึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้"
Follow Motor Expo Club Network